สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยผลการศึกษา “โครงการศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างภาคการส่งออกเพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยในตลาดโลกให้เติบโตอย่างยั่งยืน”
โครงการวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
1) หาแนวทางการปรับปรุง พัฒนา และยกระดับภาคการส่งออกให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น
2) เพื่อระบุสินค้าส่งออกศักยภาพที่มีโอกาสทางการตลาดและมีมูลค่าเพิ่มสูง และมีการใช้ทรัพยากรในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำไปสู่การกระจายรายได้ไปยังภาคส่วนต่าง ๆ ของประเทศ
3) เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการกำหนดแนวทางยกระดับมูลค่าการส่งออกของประเทศผ่านการผลักดันสินค้าส่งออกศักยภาพ ที่จะสร้างรายได้เพิ่มและทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
การศึกษาผสมผสานการวิเคราะห์ข้อมูลทุติยภูมิ (ทั้งเอกสารและข้อมูลสถิติที่ครอบคลุมทั้งไทยและประเทศสำคัญของโลก) และข้อมูลปฐมภูมิ (ทั้งการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญของโลกและผู้ประกอบการและการประชุมระดมสมอง) การศึกษาประกอบด้วยการวิเคราะห์ศักยภาพการส่งออกของไทยและเสนอแนะแนวทางในการยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยในตลาดโลกให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยการศึกษานี้เจาะลึก 2 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ คลัสเตอร์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ (Next Generation Electronics Cluster: NGEC) และคลัสเตอร์ยานยนต์แห่งอนาคต (Next Generation of Mobility Cluster: NGMC) ทั้งสองคลัสเตอร์อุตสาหกรรม คิดเป็นร้อยละ 27 ของมูลค่าเพิ่มภาคอุตสาหกรรม (ณ ปี พ.ศ. 2566) ร้อยละ 36 ของการส่งออกรวม (ณ ปี พ.ศ. 2567) และมีการจ้างงาน 7 แสนคน (ณ ปี พ.ศ. 2567)
ผลการศึกษาการวิเคราะห์โครงสร้างการส่งออก พบว่า สินค้าอุตสาหกรรมยังเป็นหลัก (สัดส่วนราว 80%) โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และเครื่องจักร ขณะที่สินค้าเกษตรและอาหารมีบทบาทเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าแปรรูป เช่น ไก่ ปลา และผลไม้ ไทยยังมีความได้เปรียบในผลิตภัณฑ์ยาง ไม้ เครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอากาศยาน อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาตลาดส่งออกที่กระจุกตัวยังคงเป็นจุดอ่อน โดยแนวทางพัฒนาสินค้าเกษตรและอาหาร คือ การใช้ความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบในอาเซียน ส่งเสริมการแปรรูป และสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยซอฟต์พาวเวอร์และกระแสรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมควรมุ่งเพิ่มมูลค่า ผ่านการสนับสนุนด้านจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ สาธารณูปโภค การวิจัย พัฒนา และรับรองมาตรฐาน โดยผสมผสานการผลิตสินค้ามูลค่าต่ำแต่ปริมาณมากกับสินค้ามูลค่าสูงแต่เสี่ยงและใช้เวลา
นอกจากนั้น การศึกษาเชิงลึกเสนอการผลักดัน 2 คลัสเตอร์หลัก ได้แก่
1. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ (NGEC): ได้แรงหนุนจากการย้ายฐานการผลิตโลกและความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์ ไทยมีโอกาสพัฒนา ICs และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รัฐควรส่งเสริมการสร้างห่วงโซ่อุปทานในประเทศ ควบคู่ยุทธศาสตร์ระดับชาติ การเข้าถึงแหล่งทุน และการจัดซื้อภาครัฐ
2. ยานยนต์แห่งอนาคต (NGMC): ไทยยังเป็นฐานผลิตและส่งออกรถยนต์สำคัญ แต่เผชิญการแข่งขันจาก BEV การส่งออกจึงเป็นทางออกหลัก โดยต้องลดต้นทุน เพิ่มมาตรฐาน สนับสนุนเงินทุน และต่อยอดสู่ตลาด REM รวมถึงชิ้นส่วน Smart Auto Parts ที่เชื่อมโยง NGMC–NGEC


